สมณพราหมณ์พวกหนึ่งยินดีทองและเงิน ไม่งดเว้นจากการรับทองและเงิน นี้เป็นเครื่องเศร้าหมองของสมณพราหมณ์

ข้อมูลจาก พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ชุด ๙๑ เล่ม ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย

(พิมพ์ พ.ศ. ๒๕๒๕) (ปกสีน้ำเงิน) และ (พิมพ์ พ.ศ. ๒๕๔๖) (ปกสีแดง)

 

สมณพราหมณ์พวกหนึ่งยินดีทองและเงิน

ไม่งดเว้นจากการรับทองและเงิน

นี้เป็นเครื่องเศร้าหมองของสมณพราหมณ์

 

เล่ม ๙ หน้า ๕๓๐-๕๓๕ (ปกสีน้ำเงิน) / หน้า ๕๑๙-๕๒๓ (ปกสีแดง)

พระวินัยปิฎก จุลวรรค เล่ม ๗ ภาค ๒

 

สัตตสติกขันธกะ

เรื่องพระวัชชีบุตรแสดงวัตถุ ๑๐ ประการ

  

          [๖๓๐] ก็โดยสมัยนั้นแล

เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จปรินิพพาน ล่วงได้ ๑๐๐ ปี

พวกพระวัชชีบุตรชาวเมืองเวสาลี

แสดงวัตถุ ๑๐ ประการในเมืองเวสาลี ว่าดังนี้ :-

          ๑. เก็บเกลือไว้ในเขนงฉัน ควร

          ๒. ฉันอาหารในเวลาบ่าย ล่วงสององคุลี ควร

          ๓. เข้าบ้านฉันอาหารเป็นอนติริตตะ ควร

          ๔. อาวาสมีสีมาเดียวกัน ทำอุโบสถต่าง ๆ กัน ควร

          ๕. เวลาทำสังฆกรรม ภิกษุมาไม่พร้อมกันทำก่อนได้

ภิกษุมาทีหลังจึงบอกขออนุมัติ ควร

          ๖. การประพฤติตามอย่าง

ที่อุปัชฌาย์และอาจารย์ประพฤติมาแล้วควร

          ๗. ฉันนมสดที่แปรแล้ว แต่ยังไม่เป็นนมส้ม ควร

          ๘. ดื่มสุราอ่อน ควร

          ๙. ใช้ผ้านิสีทนะไม่มีชาย ควร

          ๑๐. รับทองและเงิน ควร.

 

เรื่องพระยสกากัณฑกบุตร

 

          [๖๓๑] สมัยนั้น ท่านพระยสกากัณฑกบุตร

เที่ยวจาริกในวัชชีชนบท ถึงพระนครเวสาลี

ข่าวว่า ท่านพระยสกากัณฑกบุตร

พักอยู่ที่กูฏาคารศาลา ป่ามหาวัน

เขตพระนครเวสาลีนั้น.

 

พระวินัยปิฎก จุลวรรค เล่ม ๗ ภาค ๒ - หน้าที่ ๕๓๑ (พิมพ์ พ.ศ. ๒๕๒๕) (ปกสีน้ำเงิน)

 

          [๖๓๒] สมัยนั้น พวกพระวัชชีบุตรชาวเมืองเวสาลี ถึงวันอุโบสถ

เอาถาดทองสัมฤทธิ์ตักน้ำเต็มตั้งไว้

ในท่ามกลางภิกษุสงฆ์

กล่าวแนะนำอุบาสกอุบาสิกาชาวเมืองเวสาลี

ที่มาประชุมกันอย่างนี้ว่า

ท่านทั้งหลายจงถวายรูปิยะ แก่สงฆ์

กหาปณะหนึ่งก็ได้ กึ่งกหาปณะก็ได้

บาทหนึ่งก็ได้ มาสกหนึ่งก็ได้

สงฆ์จักมีกรณียะด้วยบริขาร

เมื่อพระวัชชีบุตรกล่าวอย่างนี้แล้ว

ท่านพระยสกากัณฑกบุตร

จึงกล่าวกะอุบาสกอุบาสิกาชาวเมืองเวสาลีว่า

ท่านทั้งหลาย พวกท่านอย่าได้ถวายรูปิยะแก่สงฆ์

กหาปณะหนึ่งก็ตาม กึ่งกหาปณะก็ตาม

บาทหนึ่งก็ตาม มาสกหนึ่งก็ตาม

ทองและเงินไม่ควรแก่สมณะเชื้อสายพระศากยบุตร

พระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตรไม่ยินดีทองและเงิน

พระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตรไม่รับทองและเงิน

พระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตร

มีแก้วและทองวางเสียแล้ว ปราศจากทองและเงิน

อุบาสกอุบาสิกาชาวเมืองเวสาลี

แม้อันท่านพระยสกากัณฑกบุตรกล่าวอยู่อย่างนี้

ก็ยังขืนถวายรูปิยะแก่สงฆ์

กหาปณะหนึ่งบ้าง กึ่งกหาปณะบ้าง

บาทหนึ่งบ้าง มาสกหนึ่งบ้าง.

          ครั้นล่วงราตรีนั้นแล้ว พวกพระวัชชีบุตรชาวเมืองเวสาลี

ได้จัดส่วนแบ่งเงินนั้นตามจำนวนภิกษุแล้ว

ได้กล่าวกะท่านพระยสกากัณฑกบุตรว่า

ท่านพระยส เงินจำนวนนี้เป็นส่วนของท่าน

ท่านพระยสกล่าวว่า

ท่านทั้งหลายฉันไม่มีส่วนเงิน ฉันไม่ยินดีเงิน.

          [๖๓๓] ครั้งนั้น พวกพระวัชชีบุตรชาวเมืองเวสาลีกล่าวว่า

ท่านทั้งหลาย พระยสกากัณฑกบุตรนี้

ด่า บริภาษ อุบาสกอุบาสิกา

ผู้มีศรัทธาเลื่อมใส ทำให้เขาไม่เลื่อมใส

เอาละ พวกเราจะลงปฏิสารณียกรรมแก่ท่าน

แล้วได้ลงปฏิสารณียกรรมแก่พระยสกากัณฑกบุตรนั้น.

 

พระวินัยปิฎก จุลวรรค เล่ม ๗ ภาค ๒ - หน้าที่ ๕๓๒ (พิมพ์ พ.ศ. ๒๕๒๕) (ปกสีน้ำเงิน)

 

          ครั้งนั้น ท่านพระยสกากัณฑกบุตร

ได้กล่าวกะพวกพระวัชชีบุตรชาวเมืองเวสาลีว่า

ท่านทั้งหลาย พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงบัญญัติไว้ว่า

สงฆ์พึงให้พระอนุทูตแก่ภิกษุผู้ถูกลงปฏิสารณียกรรม

ขอพวกเธอจงให้พระอนุทูตแก่ฉัน

จึงพวกพระวัชชีบุตรชาวเมืองเวสาลี

ได้สมมติภิกษุรูปหนึ่งให้เป็นอนุทูต

แก่ท่านพระยสกากัณฑกบุตร.

          ต่อมา ท่านพระยสกากัณฑกบุตร พร้อมด้วยพระอนุทูต

พากันเข้าไปสู่พระนครเวสาลี

แล้วชี้แจงแก่อุบาสกอุบาสิกาชาวเมืองเวสาลีว่า

อาตมาผู้กล่าวสิ่งไม่เป็นธรรม ว่าไม่เป็นธรรม

สิ่งเป็นธรรม ว่าเป็นธรรม

สิ่งไม่เป็นวินัย ว่าไม่เป็นวินัย

สิ่งเป็นวินัย ว่าเป็นวินัย

เขาหาว่า ด่า บริภาษท่านอุบาสกอุบาสิกา

ผู้มีศรัทธาเลื่อมใส ทำให้ไม่เลื่อมใส.

 

เครื่องเศร้าหมองของพระจันทร์พระอาทิตย์ ๔ อย่าง

 

          [๖๓๔] พระยสกากัณฑกบุตรกล่าวต่อไปว่า

ท่านทั้งหลาย

สมัยหนึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน

อารามของอนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี

ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้ารับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย

พระจันทร์พระอาทิตย์เศร้าหมอง

เพราะเครื่องเศร้าหมอง ๔ ประการนี้

จึงไม่แผดแสงไม่สว่าง ไม่รุ่งเรือง

เครื่องเศร้าหมอง ๔ ประการเป็นไฉน

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย

          ๑. พระจันทร์ พระอาทิตย์

เศร้าหมองเพราะเครื่องเศร้าหมอง คือ หมอก

จึงไม่แผดแสง ไม่สว่าง ไม่รุ่งเรือง.

          ๒. พระจันทร์ พระอาทิตย์

เศร้าหมองเพราะเครื่องเศร้าหมอง คือ น้ำค้าง

จึงไม่แผดแสง ไม่สว่าง ไม่รุ่งเรือง.

 

พระวินัยปิฎก จุลวรรค เล่ม ๗ ภาค ๒ - หน้าที่ ๕๓๓ (พิมพ์ พ.ศ. ๒๕๒๕) (ปกสีน้ำเงิน)

 

          ๓. พระจันทร์ พระอาทิตย์

เศร้าหมองเพราะเครื่องเศร้าหมอง คือ ละอองควัน

จึงไม่แผดแสง ไม่สว่าง ไม่รุ่งเรือง.

          ๔. พระจันทร์ พระอาทิตย์

เศร้าหมองเพราะเครื่องเศร้าหมอง คือ อสุรินทราหู

จึงไม่แผดแสง ไม่สว่าง ไม่รุ่งเรือง.

          ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย

พระจันทร์ พระอาทิตย์ เศร้าหมอง

เพราะเครื่องเศร้าหมอง ๔ ประการนี้แล

จึงไม่แผดแสง ไม่สว่าง ไม่รุ่งเรือง ฉันใด

 

เครื่องเศร้าหมองของสมณพราหมณ์ ๔ อย่าง

 

          ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย

สมณพราหมณ์พวกหนึ่ง

เศร้าหมองเพราะเครื่องเศร้าหมอง ๔ ประการนี้

จึงไม่มีสง่า ไม่ผ่องใส ไม่ไพโรจน์

เครื่องเศร้าหมอง ๔ ประการ เป็นไฉน

          ๑. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มีสมณพราหมณ์พวกหนึ่ง

ดื่มสุรา ดื่มเมรัย ไม่งดเว้น จากการดื่มสุราเมรัย

นี้เป็นเครื่องเศร้าหมองของสมณพราหมณ์ข้อที่หนึ่ง

ซึ่งเป็นเหตุให้สมณพราหมณ์พวกหนึ่ง

เศร้าหมอง ไม่มีสง่า ไม่ผ่องใส ไม่ไพโรจน์.

          ๒. อนึ่ง สมณพราหมณ์พวกหนึ่งเสพเมถุนธรรม

ไม่งดเว้นจากเมถุนธรรม

นี้เป็นเครื่องเศร้าหมองของสมณพราหมณ์ข้อที่สอง

ซึ่งเป็นเหตุให้สมณพราหมณ์พวกหนึ่ง

เศร้าหมอง ไม่มีสง่า ไม่ผ่องใส ไม่ไพโรจน์.

          ๓. อนึ่ง สมณพราหมณ์พวกหนึ่งยินดีทองและเงิน

ไม่งดเว้นจากการรับทองและเงิน

นี้เป็นเครื่องเศร้าหมองของสมณพราหมณ์ข้อที่สาม

ซึ่งเป็นเหตุให้สมณพราหมณ์พวกหนึ่ง

เศร้าหมอง ไม่มีสง่า ไม่ผ่องใส ไม่ไพโรจน์.

 

พระวินัยปิฎก จุลวรรค เล่ม ๗ ภาค ๒ - หน้าที่ ๕๓๔ (พิมพ์ พ.ศ. ๒๕๒๕) (ปกสีน้ำเงิน)

 

          ๔. อนึ่ง สมณพราหมณ์พวกหนึ่งเลี้ยงชีวิตโดยมิจฉาชีพ

ไม่งดเว้นจากมิจฉาชีพ

นี้เป็นเครื่องเศร้าหมองของสมณพราหมณ์ข้อที่สี่

ซึ่งเป็นเหตุให้สมณพราหมณ์พวกหนึ่ง

เศร้าหมอง ไม่มีสง่า ไม่ผ่องใส ไม่ไพโรจน์.

          ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย

สมณพราหมณ์พวกหนึ่งเศร้าหมอง

เพราะเครื่องเศร้าหมอง ๔ ประการนี้แล

จึงไม่มีสง่า ไม่ผ่องใส ไม่ไพโรจน์ ฉันนั้น

ท่านทั้งหลาย พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสคำนี้

ครั้นแล้วพระสุคตผู้ศาสดาได้ตรัสประพันธคาถา

มีเนื้อความ ว่าดังนี้ :-

                              [๖๓๕] สมณพราหมณ์เศร้าหมอง

                    เพราะราคะและโทสะ

                    เป็นคนอันอวิชชา หุ้มห่อ

                    เพลิดเพลิน รูปที่น่ารัก เป็นคนไม่รู้

                    พวกหนึ่งดื่มสุราเมรัย

                    พวกหนึ่งเสพเมถุน

                    พวกหนึ่งยินดีเงินและทอง

                    พวกหนึ่งเป็นอยู่โดยมิจฉาชีพ

                    เครื่องเศร้าหมองเหล่านี้

                    พระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าพันธุ์ แห่งพระราชา

                    ผู้สูงศักดิ์ตรัสว่า

                    เป็นเหตุให้สมณพราหมณ์พวกหนึ่ง

                    เศร้าหมอง ไม่มีสง่า ไม่ผ่องใส ไม่บริสุทธิ์

                    มีกิเลสธุลีดุจมฤค ถูกความมืดรัดรึง

                    เป็นทาสตัณหา พร้อมด้วยกิเลส เครื่องนำไปสู่ภพ

                    ย่อมเพิ่มพูนสถานทิ้งซากศพให้มาก

                    ย่อมถือเอาภพใหม่ต่อไป.

          [๖๓๖] ข้าพเจ้าผู้มีวาทะอย่างนี้

กล่าวสิ่งไม่เป็นธรรม ว่าไม่เป็นธรรม

สิ่งเป็นธรรม ว่าเป็นธรรม

สิ่งไม่เป็นวินัย ว่าไม่เป็นวินัย

สิ่งเป็นวินัย ว่า

 

พระวินัยปิฎก จุลวรรค เล่ม ๗ ภาค ๒ - หน้าที่ ๕๓๕ (พิมพ์ พ.ศ. ๒๕๒๕) (ปกสีน้ำเงิน)

 

เป็นวินัย เขาหาว่า ด่า บริภาษ อุบาสกอุบาสิกา

ผู้มีศรัทธาเลื่อมใส ทำให้ไม่เลื่อมใส.

 

http://www.tripitaka91.com/9-530-1.html

D-study.com

ช่องทางการติดต่อ

facebook FaceBook

phone 0894453994